ด้วยกลุ่มบริษัทโปรวัน (“บริษัท”) ประกอบด้วย บริษัท โปรเฟสชันแนลวัน  จำกัด บริษัท โปรวัน ไอที จำกัด บริษัท สมาร์ต โซลูชัน แอนด์ แอปพลิเคชัน จำกัด และบริษัท โปรเฟสชันแนลวัน เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลทั้งการเก็บรวบรวม เก็บรักษา ใช้ และเปิดเผย ด้วยความเคารพในสิทธิของเจ้าของข้อมูล ภายใต้สัญญา ข้อตกลง และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยยึดถือแนวทางการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เป็นหลัก และถูกต้องตามจริยธรรมในการปฏิบัติงานขององค์กร
บริษัทกำหนดแนวทาง และนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัวทางธุรกิจดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลส่วนบุคคล
    “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของบุคคล หรืออาจระบุตัวตนของบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
  2. การเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
    1. บริษัทดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และวิธีการที่ชอบด้วย กฎหมาย ในการเก็บรวบรวม และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการดังกล่าวเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดหากำลังคนสำหรับโครงการต่าง ๆ การบริหารค่าจ้าง สวัสดิการ การสรรหา การพัฒนาบุคลากร การฝึกอบรม และการบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้าของบริษัท ซึ่งบริษัททำหน้าที่เป็นนายจ้างหรือเป็นคู่สัญญากับลูกค้า หรือให้บริการที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรมนุษย์แก่ลูกค้า ดังนั้นบริษัทจึงต้องมีการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างจากผู้สมัครงาน พนักงาน พนักงานสัญญาจ้าง และอดีตพนักงาน
    2. โดยทั่วไปแล้ว ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม จะรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลดังต่อไปนี้:
      • ชื่อ วันเกิด สถานที่เกิด ข้อมูลติดต่อ คุณสมบัติ ประวัติการศึกษา  บัตรประชาชน เอกสารหลักฐานแสดงตัวตน สิทธิในการทำงาน และข้อมูลอื่น ๆ  
      • ข้อมูลส่วนตัวที่แสดงในโซเชียลมีเดียของท่าน ในกรณีที่เข้าสู่ระบบของบริษัทผ่านการเชื่อมต่อจากบัญชีโซเชียลมีเดีย
      • ข้อมูลการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัท เช่น คุกกี้ (Cookie) พิกเซล (Pixel)  ไอพี แดรส (IP address) เบราว์เซอร์ที่ใช้ เวลา สถานที่ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ เว็บล็อก และข้อมูลการสื่อสารอื่น ๆ  ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้การเข้าชมเว็บไซต์ในครั้งต่อไปของท่านมีความสะดวกมากขึ้นและใช้งานง่ายขึ้น
        • คุกกี้ (Cookie) คือ ไฟล์ข้อมูลตัวอักษรขนาดเล็กที่รวบรวมข้อมูลในคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรืออุปกรณ์อื่นของผู้ใช้งาน ทําให้บริษัททราบถึงบริการที่ท่านสนใจ 
        • พิกเซล (Pixel) เป็นภาพขนาดเล็ก เป็นส่วนหนึ่งของรหัสบนเว็บเพจ ซึ่งทำหน้า เช่น    ทำให้เซิร์ฟเวอร์อื่นสามารถวัดยอดการเข้าชมเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ซึ่งจะเชื่อมโยงกับคุกกี้ โดยรหัสดังกล่าวจะทำการติดตามเมื่อมีการดาวน์โหลดพิกเซลเพื่อบ่งชี้ว่าผู้ใช้งานได้เข้าเชื่อมต่อกับจอภาพใด หรือบางส่วนของจอภาพใด
        • เนื่องด้วยการทำงานของคุกกี้และพิกเซล จะทําให้บริษัทสามารถจดจําผู้ใช้บริการที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของบริษัท ทราบถึงจํานวนและวัตถุประสงค์ของผู้ที่ใช้บริการเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น และช่วยให้บริษัทจัดบริการข้อมูล พัฒนาประสบการณ์การเข้าชมเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ นำเสนอ กิจกรรม หรือโฆษณาให้ตรงกับพฤติกรรม และความสนใจสำหรับท่านด้วย
      • ภาพนิ่ง และบันทึกภาพเคลื่อนไหวในขณะที่เข้าสัมภาษณ์งาน เข้ารับการฝึกอบอรม หรือกิจกรรมในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน  ทั้งนี้ ท่านมีสิทธิที่จะปฏิเสธการให้บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของท่าน ณ จุดที่มีกิจกรรมนั้นๆ
      • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น เชื้อชาติ ศาสนา ความพิการ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ในบางกรณีบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวอื่น ๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต
      • การให้ข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือ สัญญา หรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลเพื่อเข้าทำสัญญา หรือข้อมูลอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการให้แก่ท่าน ตามที่ท่านประสงค์ หรือที่บริษัทได้แจ้งไว้ต่อท่าน หรือมีผลอื่นใดตามกฎหมาย
      • ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ซึ่งบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน
    3. การดำเนินการดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่:
      • เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น
      • เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
      • เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น
      • เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
      • เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญากับบริษัท
      • เพื่อประโยชน์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ
    4. ผู้เยาว์
      • บริษัทไม่มีความตั้งใจที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายกำหนด  เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะผู้ปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ เช่น บิดามารดา หรือผู้ปกครองตามกฎหมาย เป็นต้น
  3. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม เก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม เก็บรักษา ใช้ เปิดเผย และ/หรือนำไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่บริษัทอาจ หรือจะต้องดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงกรณีดังต่อไปนี้ :

    1. เพื่อให้บริการตามความต้องการของท่าน เช่น การบริการด้านระบบเทคโนยีสารสนเทศ การบริการด้านทรัพยากรบุคคลและ การสมัครงานรวมถึงจัดหางานที่เหมาะสมกับคุณสมบัติ
    2. เพื่อการสื่อสารทางการตลาดทางตรงผ่านทางอีเมล ข้อความ โทรศัพท์ หรือช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่น ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
    3. เพื่อใช้ในการทดสอบ พัฒนา ปรับปรุงเว็บไซต์ ระบบงานเดิมที่มีอยู่ หรือระบบงานใหม่ เพื่อให้บริการท่านได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้ในกระบวนการเหล่านี้ในกรณีที่ไม่สามารถทำสำเนาข้อมูลตัวอย่างได้เพียงพอต่อการทดสอบระบบ
    4. เพื่อทำการศึกษา ค้นคว้า วิจัยเชิงสถิติและเชิงวิเคราะห์ เช่น เปรียบเทียบประสิทธิผลของผู้สมัครที่ผ่านการสัมภาษณ์งานระหว่างกลุ่มธุรกิจ และพื้นที่ เพื่อค้นหาปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความแตกต่าง
    5. เพื่อจัดส่งข้อมูลให้กับบุคคลภายนอกโดยเป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด
  4. ข้อจำกัดในการใช้ และ/ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    1. บริษัทใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามความยินยอมของท่าน โดยเป็นการใช้และเปิดเผยข้อมูลตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมตามที่กำหนดเท่านั้น บริษัทจะกำกับดูแลพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้ใช้และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ตามข้อ 3. เว้นแต่
      • เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น
      • เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
      • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
      • เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญากับบริษัท
      • เพื่อประโยชน์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ
      • พื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
    2. เปิดเผยต่อผู้รับจ้างของบริษัท เช่น ในกรณีที่บริษัทว่าจ้างให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ดำเนินการงานส่วนใดส่วนหนึ่งเพื่อให้บริการ โดยผู้รับจ้างต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดตามสัญญาและตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัวของท่าน ในกรณีนี้ ผู้รับจ้างสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะส่วนที่ต้องใช้ในการปฏิบัติงานเท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้รับจ้างของบริษัทได้แก่ ผู้ให้บริการด้านไอที (ให้บริการระบบไอทีและระบบจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล) ผู้ให้บริการพื้นที่ปฏิบัติงาน (ดูแลความปลอดภัยทางกายภาพของตึก ซึ่งต้องทราบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่ออนุญาตการเข้าพื้นที่) ผู้ให้บริการด้านการเงินและบัญชี (ซึ่งต้องทราบข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการดำเนินการด้านการเงินบัญชี) นอกจากนี้ ยังมีผู้ให้บริการด้านไอที ที่ให้บริการเครื่องมือในการบันทึกและประเมินการสัมภาษณ์ทางวิดีโอ
    3. เปิดเผยต่อบริษัทในกลุ่มบริษัทโปรวัน ซึ่งแต่ละบริษัทมีธุรกิจและบริการหลักที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อกัน ดังนี้ :
      • เปิดเผยต่อบริษัทที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
      • เปิดเผยต่อบริษัทที่ให้บริการด้านการฝึกอบรม
      • เปิดเผยต่อบริษัทที่มีตำแหน่งงานที่เหมาะสม ตามที่ท่านได้แจ้งความสนใจตำแหน่งงานไว้
      • ท่านสามารถตรวจสอบรายชื่อกับบริษัทได้ที่เว็บไซต์ www.professional-one.com
    4. เปิดเผยต่อลูกค้าหรือผู้ที่สนใจจ้างงานท่าน บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อลูกค้าที่มีตำแหน่งงานที่ท่านสนใจ หรือลูกค้าที่สนใจในประวัติของท่าน ลูกค้าของบริษัทมีข้อตกลงในการปฏิบัติตามข้อกำหนดสัญญาและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั้งต่อบริษัทและต่อท่าน
    5. ในกระบวนการประเมิน (หรือดำเนินการ) เพื่อซื้อขาย การควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการ หรือกิจกรรมอื่นๆ ทางธุรกิจ บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อผู้ขายหรือผู้ซื้อที่สนใจ
  5. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
    1. ความปลอดภัยของสารสนเทศ และข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานมีความสำคัญต่อบริษัท บริษัทได้วางมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเหมาะสมเพื่อปกป้อง คุ้มครอง รักษาความปลอดภัยสารสนเทศ และข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อท่านเข้าสู่เว็บไซต์ของบริษัท โดยใช้โปรโตคอล Secure Socket Layer (SSL) ในการเข้ารหัสเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสาร หรือส่งข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในทุกหน้าในเว็บไซต์ ที่บริษัทรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะมีการปรับปรุงและทดสอบระบบเทคโนโลยีของบริษัทอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความปลอดภัยสูงสุดและน่าเชื่อถือ ในการนี้ บริษัทสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเครื่องมือการรักษาความปลอดภัย หากบริษัทเห็นว่าเครื่องมือดังกล่าวมีมาตรฐานสูงขึ้น และสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้ดีมากยิ่งขึ้น
    2. กรณีบริษัททำความตกลงไว้กับบุคคลภายนอกในการพัฒนา และดูแลรักษาระบบสารสนเทศของบริษัท บุคคลภายนอกที่เข้ามาดำเนินการให้บริษัท หรือดำเนินการในนามบริษัท จะต้องตกลงรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเช่นกัน
  6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    1. สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน
      ท่านมีสิทธิในการขอยืนยันว่าบริษัทได้ดำเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบ้าง  ในกรณีที่มีการดำเนินการ ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบางส่วนและข้อมูลบางชนิดเพื่อตรวจสอบว่า  ข้อมูลเหล่านั้นถูกจัดการอย่างไร ในบางกรณี ท่านสามารถขอให้บริษัทจัดส่งสำเนาอิเล็กทรอนิกส์ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ท่านได้ และในกรณีเฉพาะ ท่านสามารถขอให้บริษัทจัดส่งข้อมูลของท่านให้กับบุคคล ภายนอกได้
    2. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
      หากข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม เก็บรักษาไว้ ไม่ถูกต้อง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทปรับปรุงหรือแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
    3. สิทธิในการลบข้อมูล
      ในบางกรณี ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบข้อมูลของท่าน โดยแจ้งเรื่องมายังบริษัทได้ตลอดเวลา บริษัทจะประเมินว่าข้อมูลที่ท่านขอให้ลบนั้นสามารถดำเนินการลบได้หรือไม่ เนื่องจากมีข้อมูลบางส่วนที่ต้องเก็บรักษาไว้ตามที่กฎหมายกำหนด  หากพิจารณาแล้วว่าสามารถลบได้ บริษัทจะดำเนินการลบออกจากฐานข้อมูลทันที อย่างไรก็ดี ให้ท่านตระหนักว่าเมื่อข้อมูลถูกลบทิ้งแล้ว บริษัทจะไม่สามารถให้บริการท่านได้อีกต่อไป หากท่านประสงค์ที่จะใช้บริการกับทางบริษัท ท่านต้องลงทะเบียนและบันทึกข้อมูลใหม่อีกครั้ง
    4. สิทธิในการจำกัดการเก็บรวบรวม เก็บรักษา ใช้ และเปิดเผย
      ในบางกรณี ท่านมีสิทธิในการจำกัดการเก็บรวบรวม เก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลให้บริการที่ท่านจะได้รับจากบริษัทมีข้อจำกัด
    5. สิทธิในการคัดค้าน
      ตราบใดที่การเก็บรวบรวม เก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทอันสอดคล้องกับกฎหมาย หรือเป็นการสื่อสารทางการตลาดทางตรง  ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม เก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้โดยแจ้งให้บริษัททราบถึงเหตุผลหากท่านต้องการดำเนินการตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น กรุณาติดต่อแผนกทรัพยากรบุคคล บริษัท โปรเฟสชันแนลวัน จำกัด เลขที่ 388 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400 หรือ ส่งอีเมลมายัง dpo@professional-one.com เมื่อบริษัทได้รับคำขอจากท่าน บริษัทจะทำการยืนยันตัวตนก่อนดำเนินการ ตามคำขอ
  7. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวมจากท่านไว้ในระยะเวลาที่จำเป็น เพื่อให้บริการแก่ท่าน หรือ ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้
  8. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
    ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท คือ เจ้าหน้าที่แผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทแต่งตั้งขึ้น ท่านสามารถติดต่อได้ที่ อีเมล  dpo@professional-one.com
  9. การปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมเงื่อนไขนโยบายนี้ ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด เป็นครั้งคราวตามเหตุอันสมควรเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการให้บริการ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง  บริษัทจะประกาศการเปลี่ยนแปลงผ่านทางหน้าเว็บไซต์ หรือติดต่อท่านผ่านช่องทางการสื่อสารอื่นตามความเหมาะสม

แผนก ทรัพยากรบุคคล
อีเมล dpo@professional-one.com
โทรศัพท์ 0-2619-2161 เบอร์ต่อ 1107